เทคโนโลยีกับการศึกษา
นิพิฐพนธ์ สนิทเหลือ*
บทนำ
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542ปรับปรุงแก้ไข ปี 2545 ในมาตราที่ 22 ได้กำหนดให้การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ โดยมุ่งไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต และมาตราที่ 23 ได้ระบุให้การจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบการศึกษา นอกระบบ ทั้งนี้ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการสอน และส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ สถานการศึกษาต้องสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนาเทคโนโลยี ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้าน ผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีการศึกษา เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะในการผลิตสื่อการสอนต่างๆ ให้มุ่งหวังไปสู่เป้าหมายตามนโยบายได้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2542 : 13-14)
เทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จะมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้งานในด้านต่างๆ อย่างมาก รวมทั้งระบบการศึกษา ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC กล่าวว่าการใช้สื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่แทนที่เอกสารหนังสือที่เรียกว่าสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) ซึ่งมีซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือให้เลือกใช้งานได้หลากหลายและในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้ก้าวมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน การฝึกอบรม รวมทั้งการถ่ายทอด ความรู้ โดยพัฒนา CAI เดิมๆ ให้เป็น WBI (Web Based Instruction) หรือการเรียนการสอนผ่านบริการเว็บเพจ ส่งผลให้ข้อมูลในรูปแบบ WBI สามารถเผยแพร่ได้รวดเร็ว และกว้างไกลกว่าสื่อ CAI ปกติ เรียกว่า e-Learning (Electronics Learning) ซึ่งมีหลายส่วนประกอบ อาทิ ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และระบบการสื่อสารข้อมูล เป็นส่วนประกอบหลัก แต่ในการใช้งานต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆด้วยอาทิ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ปัญหาอุปสรรคที่คาดว่าจะเกิด ดังนั้นสถานศึกษาที่ต้องการพัฒนาระบบดังกล่าว ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างๆเหล่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ WBI ประสบความสำเร็จและสามารถพัฒนาระบบการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
*นักศึกษาปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นำ มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น รุ่น 7
มโนทัศน์เกียวกับเทคโนโลยีการศึกษา
มโนทัศน์เกียวกับเทคโนโลยีการศึกษามี 2 แนวคิดดังนี้ 1.เทคโนโลยีการศึกษาในทัศนะทางวิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science) หมายถึง การประยุกต์ความรู้วิทยาศาสตร์กายภาพ กับเทคโนโลยีด้านวิศวกรรม เช่น เครื่องฉายต่าง ๆ เครื่องบันทึกเสียงวิทยุ โทรทัศน์ สื่อ CAI ฯลฯ มาใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนสำหรับการเรียน 2.เทคโนโลยีการศึกษาในทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral Science Concept) เป็นการปฏิบัติการทางการศึกษา โดยนักพฤติกรรมศาสตร์สาขาจิตวิทยามานุษยวิทยา สังคมวิทยา และการศึกษา เช่น จิตวิทยาการเรียนรู้ กระบวนการกลุ่มภาษาศาสตร์ การสื่อสาร การบริหาร ระบบ การรับรู้ ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษาทั้ง 2 ทัศนะ ที่ได้กล่าวแล้ว จะเน้นความสำคัญที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ เทคโนโลยีการศึกษาในทัศนะความคิดทางวิทยาศาสตร์กายภาพนั้น เน้นความสำคัญของเครื่องมือ (hardware) เป็นสำคัญโดยไม่ค่อยจะคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนส่วนทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์นั้นพิจารณาเทคโนโลยีในเชิงปฏิบัติให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของมนุษย์โดยอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นแกนกลางสำคัญ แนวความคิดนี้พยายามทำความเข้าใจและศึกษาว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไร และนำความรู้ตลอดจนวิธีการทางวิทยาศาสตร์และเครื่องมือเข้าไปประยุกต์แก้ปัญหาหรือเสริมสร้างการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น(http://www.pteonline.org/img-lib/staff/file/supreeya_000473.pdf)
สำหรับแนวทางการจัดการศึกษาของไทยในปัจจุบันได้ยึดหลัก การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นแนวทางเชิงพฤติกรรมศาสตร์ มีการบรรจุการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างชัดเจน
เทคโนโลโนยีกับการปฏิรูปการศึกษา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม 2545) หมวดที่ 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การจัดการศึกษาในอนาคตต้องยึดแนวตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตามการดำเนินการจัดการศึกษาในปัจจุบันและในอนาคต คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อดำเนินจัดการศึกษา และสำหรับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาตินี้ จึงได้นำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาบรรจุลงไป ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้อย่างชัดเจน ชึ่งมีหลายมาตราโดยสรุปดังนี้
(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม 2545) : 2545)
มาตรา 63 รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อการส่ง วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่นเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การทำนุบำรุงศาสนาศิลปะและวัฒนาธรรมตามความจำเป็น
มาตรา 64 รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาแบบเรียนตำรา หนังสือทางวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิต และมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ทั้งนี้ โดยเปิดให้มีการแข่งขันโดนเสรีอย่างเป็นธรรม
หากพิจารณาจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ หมวดที่ 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาข้างต้นนั้น เราสามารถแบ่งเนื้อหาได้ 2 ประเด็นหลักๆ คือ มาตรา 63 เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี Hardware และ มาตราที่ 64 เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Software ดังนี้
มาตรา 63 เกี่ยวข้องกับ Hardware จากสภาพปัจจุบันในต่างจังหวัด หากไม่นับรวมสถานศึกษาในเขตอำเภอเมือง สถาบันการศึกษาต่างๆ ได้ลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์การศึกษาเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพยังไม่สามารถให้บริการได้ ทำให้การเชื่อมออกสู่ภายนอกต้องลงทุนจ่ายค่าเชื่อมความเร็วสูงให้กับเอกชน (ISP) ในราคาที่สูงมาก ส่งผลต่อเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเมื่อระบบเครือข่ายราคาถูกและมีประสิทธิภาพเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่มีจะตกรุ่นทำให้บางส่วนไม่สามารถใช้งานแล้ว ดังนั้นภาครัฐต้องจัดสรรและวางระบบเครือข่ายราคาถูกและมีประสิทธิภาพเข้าถึงได้ในทุกสถานศึกษา
รวมถึงการจัดสรรคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ สำหรับการศึกษาที่สามารถเลือกดูเลือกชมได้อย่างเพียงพอ และเข้าถึงได้ง่ายอย่างสะดวกดังเช่นช่อง 3 5 7 9 และ ITV
มาตรา 64 เกี่ยวกับซอฟแวร์ ต้องยอมรับว่าซอฟแวร์มีค่าลิขสิทธิ์สูง และหากต้องพัฒนาโปรแกรมใช้งานต้องใช้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งมีจำนวนน้อย ดังนั้นภาครัฐต้องพัฒนาบุคคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการทำงานในด้านนี้ เช่น มีเงินทุนให้กู้ยืมโดยเฉพาะที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ การจัดสรร Webhosting ที่ให้บริการ Free หรือคิดในราคาที่ต่ำกว่าปกติ การคิดภาษีรายได้ที่อัตราต่ำสำหรับสถานศึกษา และสิทธิพิเศษอื่นๆเพื่อสร้างแรงจูงใจ นอกจากนี้ยังรวมถึงระบบการบริหารจัดการ Website เพื่อการศึกษาอย่างจริงจังและมีคุณภาพ อีกทั้งบุคลากรทุกระดับ โดยเฉพาะผู้บริหารจำเป็นต้องเรียนรู้ และพัฒนาการใช้งานเทคโนโลยีอยู่เสมอ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบการศึกษาและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการภายในสถานศึกษาของตน
สำหรับข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ได้มีข้อเสนอการตั้งกลไกหลักเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ประสบความสำเร็จ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติและกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เป็นหน่วยงานกลาง เพื่อทำหน้าที่เสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม และประสานการวิจัย การพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งการประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพของการผลิตและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (http://www.onec.go.th/cms/)
ดังนั้นหากมีความพร้อมการจากใช้เทคโนโลยีตามที่ระบุในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ดังกล่าวจะก่อให้เกิดการพัฒนาหลายด้านต่อระบบการศึกษา และนำไปสู่การศึกษายุคใหม่
เทคโนโลยีเพื่อการศึกษายุคใหม่
สำหรับเทคโนโลยีเพื่อการศึกษานั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลายระบบงาน ซึ่งมีระบบงานหลักที่สำคัญได้แก่ การใช้เพื่อระบบการเรียนการสอน และการบริหารจัดการภายในสถาบัน
ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) หมายถึงระบบการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดย ผู้เรียนใช้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อเข้าไปอ่านเนื้อหา ทำแบบทดสอบวัดผลประเมินผล ฟังไฟล์บรรยายของอาจารย์ เสมือนเข้าห้องเรียนตามปกติ และสามารถเข้าไปศึกษาได้ตลอดเวลา และไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ อีกทั้งการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน อาทิ เว็บเพจเนื้อหา การแสดงความคิดเห็น การตอบคำถาม การประเมินผล การฝากข้อความ การส่งงาน หรืออื่นๆ โดยมีบรรยากาศเสมือนจริง โดยผ่านซอฟแวร์ระบบ e-learning (ครรชิต มาลัยวงศ์ : 2552)
การเปรียบเทียบระบบการเรียนปกติ กับ ห้องเรียนเสมือน
ห้องเรียนเสมือน | ห้องเรียนปกติ |
ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่เรียน | ต้องเรียนตามเวลา และสถานที่ที่กำหนด |
สามารถฟังซ้ำๆ ได้หลายๆครั้ง | เรียนได้ 1 ครั้ง |
ใช้คอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย | ห้องเรียน |
มีระบบการบันทักประวัติการเข้าเรียน(Log File) | ใช้เอกสาร |
ระบบการให้คะแนน ตรวจประเมิน ลงระบบคอมพิวเตอร์ | ใช้เอกสาร |
ความจำเป็นของห้องเรียนเสมือน
1. สถานที่จำกัด และบุคลากรไม่เพียงพอ
2. ลดค่าใช้จ่ายได้มาก
3. ผู้เรียนไม่มีเวลาตามที่กำหนด
4. ระยะทางการเดินทางไกล
ข้อจำกัดของการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนมี ดังนี้
1. มีค่าใช้จ่ายด้าน อุปกรณ์และซอฟแวร์ในการเรียนการสอน และผู้เรียนต้องมีคอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งานได้
2. การตอบสนองของผู้เรียน และอาจารย์อาจใช้เวลา ไม่สามารถตอบสนองำด้โดยทันที ดังนั้นอาจไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้ปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายน้อยลง
3. ผู้เรียนต้องมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี
4. กรณีผู้เรียนต้องมีความรับผิดชอบ และสามารถบริหารจัดการ ระบบการเรียนรู้ของตนเองได้ป็นอย่างดี
นวัตกรรมทางการศึกษาด้านห้องเรียนเสมือน ทำให้ลดข้อจำกัดในด้านต่างๆทางการศึกษาได้มาก ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความเหมาะสมกับเวลาและสถานที่ สามรถเรียนซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ห้องเรียนเสมือนนี้ ช่วยให้จัดการศึกษาทั้งในระบบโรงเรียน การศึกษาตามอัธยาศัย ไม่มีข้อจำกัดด้านจำนวนผู้เรียน ระยะเวลา แฃะสถานที่ ก่อใหเกิดการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
ระบบการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ (e-education)
กล่าวถึงระบบการบริหารจัดการระบบงานของสถานศึกษา โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใน สถานศึกษา มีการเชื่อมโยงระบบต่างๆเข้าด้วยกัน ตามหน่วยงานต่างๆ อาทิ ระบบการรับสมัคร ระบบการ ลงทะเบียน ระบบการเรียนการสอน การประเมินผล ระบบงานห้องสมุด ระบบการกู้ยืมเพื่อการศึกษา ระบบอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นการนำเทคโนโลยีที่จะช่วยให้กระบวนการจัดระบบการศึกษา (Education System) โดยทำงานตามขั้นตอน (Workflow) ของสถานศึกษา ดังนั้นทุกๆหน่วยงานสามารถใช้ข้อมูล และบริหารจัดการได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง สามารถประมวลผลทางระบบงาน On-Line Real Time ได้ทั้งหมด พร้อมระบบมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูล
ประโยชน์ที่ได้รับ
· เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน องค์กรมีการปรับระบบการทำงาน
· ก่อให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจการศึกษามากขึ้น
· ขยายระบบการศึกษาสู่คนภายนอกได้มากขึ้น
· ผู้เรียนและบุคลากร สามารถทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ตลอดเวลา ทั้งในและนอกสถานศึกษา
· ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
· มีระบบการให้บริการ ที่มีประสิทธิการ และบุคลากร ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และใช้จำนวนตนทำงานน้อยลง
· มีข้อมูลในการบริหารและตัดสินใจที่เป็นระบบ และนำมาใช้งานได้ทันที หรือ พัฒนาต่อยอดระบบงานอื่นๆ ได้
ระบบ e-education เป็นเครื่องมือที่ช่วยสถาบันการศึกษาในการให้บริการแก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นระบบที่ทั้งผู้เรียนและบุคลากรสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ไม่มีข้อจำกัดทั้งด้านเวลา และสถานที่ ระบบ e-education เป็นเทคโนโลยี ที่ได้มีการพัฒนาการตามลำดับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ประวัติและพัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา
สำหรับพัฒนาการการศึกษาที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีการศึกษาในอดีต สามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลาดังนี้คือ (ชัยยงค์ พรหรมวงศ์ : 2521)
1) ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนถึงปี ค.ศ.1700
การศึกษาช่วงเวลาดังกล่าวมีการพัฒนาการที่ช้ามาก การจัดการเรียนการสอนอยู่ในกลุ่มคนเล็ก ๆ การสื่อสารยังไม่เจริญ การจัดการศึกษาและพัฒนาการศึกษามีดังนี้เทคโนโลยีการศึกษาของกลุ่มโซฟิสต์ในตอนปลายของศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราชนั้น มีกลุ่มนักการศึกษากลุ่มเล็ก ๆเป็นครูรับจ้างสอนตามบ้านในกรุงเอเธนส์ กรีกโบราณ ในนามของกลุ่ม Elder Sophist รูปแบบการสอนของกลุ่มโซฟิสต์มี 3 ขั้นตอนคือ เตรียมคำบรรยายอย่างละเอียด เปิดโอกาสให้ผู้ฟังเสนอแนะให้บรรยายในสิ่งที่เขาต้องการรู้ บรรยายตามความต้องการของผู้บรรยายหรือผู้ฟัง เทคโนโลยีการศึกษาของโสเครติส (ค.ศ.399-470) วิธีการสอนของโสเครติส ที่อธิบายไว้ใน Plasto's Meno นั้น มุ่งที่จะสอนให้ผู้เรียนเสาะแสวงหรือสืบเสาะหาความรู้ที่เหมาะสมเอง จากการป้อนคำถามต่าง ๆ ที่เป็นการชี้แนะแนวทางให้ผู้ตอบได้ข้อคิด เทคโนโลยีการศึกษาของอเบลาร์ด ใช้ในการเรียนการสอน โดยการระมัดระวังเทคนิคการใช้คำถามให้รัดกุมขึ้น .เทคโนโลยีทางการศึกษาของคอมินิอุสเกิดในครอบครัวโปรเตสแตนท์ ปัจจุบันอยู่ในเชคโกสโลวาเกีย ได้เป็นผู้ร่างหลักสูตรการศึกษาในฮอลแลนด์ และสวีเดน ตลอดจนสร้างโรงเรียนตัวอย่างขึ้นในฮังการีด้วย จุดมุ่งหมายทางการศึกษาของคอมินิอุส คือ ความรู้ คุณธรรม และความเคร่งครัดในศาสนา
ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา
Blank. (2000 : 12) ได้ให้ความหมายของการเรียนการสอนผ่านเว็บว่าหมายถึง โปรแกรมการเรียนการสอนในรูปแบบของไฮเปอร์มีเดีย (Hypermedia) ที่นำคุณลักษณะและทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีในเวิลด์ไวด์เว็บ มาใช้ประโยชน์ในการจัดสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้
Rosenberg (2001 : 28) ได้ให้ความหมายของความหมายของการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ว่า หมายถึง การใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเพื่อช่วยในการเพิ่มพูนความรู้และยกระดับผลการปฏิบัติงาน โดยอยู่บนหลักการพื้นฐานสามประการด้วยกัน คือ 1) การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย เก็บข้อมูลหรือเรียกดูข้อมูล กระจายข้อมูลและแบ่งปันข้อมูลได้อย่างทันทีทันใด 2) เป็นการส่งข้อมูลไปยังผู้ใช้ผ่านทางคอมพิวเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เป็นมาตรฐาน 3) การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้เน้นมุมมองทางการเรียนรู้ที่กว้างขวางที่สุด นั้นก็คือวิธีการเรียนรู้ซึ่งอยู่นอกเหนือกรอบแนวคิดในการเรียนรู้แบบดั้งเดิม
Knowles (1975 : ย่อหน้าที่ 7) ได้กล่าวถึงความหมายของ การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไว้ว่าหมายถึง การถ่ายโอนกิจกรรม กระบวนการ และเหตุการณ์ของการเรียนรู้และการฝึกอบรมทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เช่น อินเตอร์เน็ต (Internet) อินทราเน็ต (Intranet) ซีดีรอม วีดีโอเทป ดีวีดี โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และอื่น ๆ
ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2545) ได้ให้ความหมายของความหมายของการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ว่า หมายถึง การเรียนเนื้อหา หรือ สารสนเทศสำหรับการสอน หรือ การอบรม ซึ่งใช้การนำเสนอด้วยตัวอักษร ภาพนิ่ง ผสมผสานกับการใช้ภาพเคลื่อนไหว วิดิทัศน์และเสียงโดยอาศัยเทคโนโลยีของเว็บ (Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการจัดการคอร์ส(Course management System) ในการบริหารจัดการงานสอนต่างๆ
รังสรรค์ สุกันทา. (2546) ได้กล่าวไว้ว่า e-Learning มาจากคำว่า ElectronicLearning หมายถึการเรียนรู้บนพื้นฐานเทคโนโลยี (Technology-based Training) เป็นกระบวนการเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ตเสมือนการเรียนในห้องเรียนแต่เป็นการส่งเนื้อหาผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต เช่น คอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์ทราเน็ตสัญญาณโทรทัศน์ หรือสัญญาณดาวเทียม รวมทั้งมีการติดต่อระหว่างผู้และผู้สอนที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์และช่วยให้ผู้เรียนเลือกเวลาเรียนที่สะดวก ประหยัดค่าใช้จ่ายทำให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างการทำงาน
วัลย์ลดา วรกรานศิริ. (2544) กล่าวว่า e-learning หรือ Online Learning คือระบบการเรียนการสอนที่สื่อสารผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น การสอนบนเว็บ การสอนออนไลน์ การประชุมทางไกลผ่านเว็บ การเรียนทางไกลจากวีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video-onDemand) ที่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีของเว็บ กิจกรรมการเรียนที่ติดต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนและ/หรือกับผู้สอน โดยการเชื่อมโยงต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ศรีสุกาญจน์ บิณฑาประสิทธิ์. (2540) กล่าวว่า e-Learning นั้นจะครอบคลุมการเรียนรู้ในหลายรูปแบ เช่น WBT/WBL, CBT, ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) รวมทั้งการเรียนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต/อินทราเน็ต การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม และซีดีรอม
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หมายถึง การเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้เนื้อหา ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วิดิทัศน์ เสียง ผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ต เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และนำไปสู่ผลการเรียนรู้ที่ดีขึ้น ปัจจุบันภาครัฐได้กำหนดกรอบนโยบาย เพื่อผลักดันให้สู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง
เอกสารอ้างอิง
ครรชิต มาลัยวงศ์ .2552 . ความหมายของห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) .(Online).
http://cdezine.wordpress.com. 22 กันยายน 2553.
ชินภัทร ภูมิรัตน. การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง(พ.ศ. 2552 – 2561) .[Online].
ชัยยงค์ พรหมวงศ์(2521).ระบบสื่อการสอน. กรุงเทพ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
ถนอมพร เลาหจรัสแสง.2545. หลักการออกและการสร้างเว็บเพื่อการเรียนการสอน.กรุงเทพ ฯ:ห้างหุ้นส่วน
จำกัด อรุณการพิมพ์.
ทองจันทร์ หงส์ลดารมภ์. 2531. การเรียนรู้โดยพึ่งตนเอง. สารพัฒนาคณาจารย์. 1 (พฤศจิกายน-ธันวาคม).
ธงทอง จันทรางศุ . การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (2552-2561) .[Online].
เปรื่อง กุมุท.2526. เทคโนโลยีการศึกษา: คำนิยามและความหมาย.เอกสารประกอบการสอน.
ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
รังสรรค์ สุกันทา. 2546. การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บแบบมีส่วนร่วมตามแนวคิดการเรียนรู้
แบบนำตนเองสำหรับบุคลากรขององค์กรธุรกิจ. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วัลย์ลดา วรกรานศิริ. 2544. ความพร้อมขององค์กรธุรกิจเอกชนในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลโดยใช้เว็บ
เพื่อการฝึกอบรม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล.
ศรีสุกาญจน์ บิณฑาประสิทธิ์. 2540. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบุคคลและสภาพแวดล้อมในการทำงานกับ
ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเองของพยาบาลประจำการโรงพยาบาลของรัฐในกรุงเทพมหานคร.
วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สาโรช โศภีรักข์. 2546. พัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา (Online).http://edtech.edu.ku.ac.th/edtech/wbi
6 กันยายน 2550.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2542.แผนพัฒนาสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคมเพื่อการพัฒนาคนและสังคม (พ.ศ.2542-2551), หจก.
เม็ดทรายพรินติ้ง.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545.กรุงเทพมหานคร:พริกหวานการพิมพ์ จำกัด
ดีมาก (ทดสอบ)
ตอบลบ